เศรษฐกิจ • ธุรกิจ
เศรษฐกิจไทยปี 2568: การฟื้นตัวที่เปราะบางท่ามกลางความไม่แน่นอนระดับโลก
บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยปี 2568 ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตที่คาดว่าจะชะลอตัวลง โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ หนี้ครัวเรือนที่สูง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก.
เศรษฐกิจไทยปี 2568: การฟื้นตัวที่เปราะบางท่ามกลางความไม่แน่นอนระดับโลก
**เศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดการณ์ว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนและการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว [2, 3, 4, 5] อย่างไรก็ตาม การเติบโตดังกล่าวยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายในและภายนอกหลายประการ ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงมีความเปราะบางและต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
- การบริโภคภาคเอกชน: คาดว่าจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโต โดยได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ [2, 3, 4] อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของการบริโภคอาจถูกจำกัดด้วยระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง [2, 9]
- ภาคการท่องเที่ยว: การท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งเสาหลักสำคัญที่คาดว่าจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยในปี 2568 โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาสู่ระดับก่อนช่วงการระบาดของโควิด-19 [3, 4, 9] การผ่อนคลายมาตรการเข้าเมืองและการส่งเสริมการท่องเที่ยวในตลาดใหม่ๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวนี้
- การลงทุน: การลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐคาดว่าจะมีการปรับตัวดีขึ้น โดยการลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในระยะสั้น [4] ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนจะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศและการย้ายฐานการผลิต [4]
ความท้าทายและปัจจัยเสี่ยง
- ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้า: ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน รวมถึงนโยบายการเก็บภาษีนำเข้าที่อาจเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย [2, 4, 5, 9, 15, 19] นอกจากนี้ ความผันผวนของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศยังเป็นปัจจัยที่เพิ่มความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย [2, 15]
- หนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจ: ระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงยังคงเป็นประเด็นที่น่ากังวล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและการใช้จ่าย [2, 9] ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจก็เผชิญกับแรงกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่อาจเพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนของอุปสงค์
- การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก: การคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2568 ที่จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง [2, 5, 19] ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่บางส่วน [2, 20] และนโยบายการเงินที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ [5] ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
- ความท้าทายเชิงโครงสร้าง: ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การเข้าสู่สังคมสูงวัย และการเติบโตของผลิตภาพที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ [6] ยังคงเป็นอุปสรรคต่อศักยภาพการเติบโตระยะยาวของเศรษฐกิจไทย [6, 16]
แนวโน้มในไตรมาสถัดไป
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 คาดว่าจะยังคงได้รับแรงหนุนจากการบริโภคและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของการส่งออกอาจเผชิญกับแรงกดดันจากความตึงเครียดทางการค้าที่ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน การบริหารจัดการหนี้สาธารณะและหนี้ภาคเอกชนจะเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและการรักษาเสถียรภาพทางการคลัง
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง
- นโยบายการค้าและการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ: การเพิ่มขึ้นของภาษีนำเข้าและมาตรการทางการค้าต่างๆ อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทย
- ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและราคาสินค้าโภคภัณฑ์: ความไม่แน่นอนของปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและกำลังซื้อของผู้บริโภค
- ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: ภัยธรรมชาติและเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วอาจส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจไทย [22, 13]
- ความสามารถในการปรับตัวของภาคธุรกิจ: การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับความท้าทายในระยะยาว