เศรษฐกิจ • ธุรกิจ
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2025: ความท้าทายจากปัจจัยภายนอกและแรงขับเคลื่อนภายในประเทศ
บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยปี 2025 เผชิญความท้าทายจากความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐฯ และการแข่งขันที่สูงขึ้นจากจีน ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือนและการบริโภคยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างชาติยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ท่ามกลางการปรับตัวเพื่อรับมือกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และความยั่งยืน
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2025: ความท้าทายจากปัจจัยภายนอกและแรงขับเคลื่อนภายในประเทศ
เศรษฐกิจไทยในปี 2025 ยังคงเผชิญกับแรงกดดันและความท้าทายรอบด้าน ทั้งจากปัจจัยภายนอกและปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศ จากการประเมินของหลายสถาบันเศรษฐกิจ คาดการณ์ว่าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2025 จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ โดยเฉลี่ยประมาณ 2.4% ถึง 2.7% [3, 4]. ตัวเลขการเติบโตนี้สะท้อนถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยที่ยังคงต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ขณะที่การปรับตัวเชิงโครงสร้างยังคงเป็นโจทย์สำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ
ปัจจัยท้าทายจากภายนอก
ปัจจัยภายนอกที่สำคัญประการแรก คือ ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะภายหลังการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามการค้ารอบใหม่และการขึ้นภาษีนำเข้าที่เข้มข้นขึ้น [3, 4, 8]. การเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ซึ่งอาจทำให้การส่งออกชะลอตัวลง [2, 3]. นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการกีดกันทางการค้ารูปแบบใหม่ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม ทำให้กำลังซื้อจากต่างประเทศอ่อนแอลง [4, 7].
อีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจไทย คือ การหลั่งไหลเข้ามาของสินค้าจีนที่มีราคาแข่งขันสูง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการผลิตของไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ที่เผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและโครงสร้างการผลิตที่อาจไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไป [2, 11].
แรงขับเคลื่อนภายในประเทศและนโยบายภาครัฐ
แม้จะเผชิญความท้าทายจากภายนอก แต่เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยภายในประเทศที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ การท่องเที่ยวคาดว่าจะยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการวีซ่าและนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล [5, 16]. นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต (แม้จะมีการชะลอโครงการบางส่วน) และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ยังคงมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นกำลังซื้อภาคครัวเรือนและการลงทุน [2, 5].
การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการออกมาตรการช่วยเหลือและลดภาระหนี้ครัวเรือนของภาครัฐ [8]. อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในระยะยาว [3, 11].
ความท้าทายเชิงโครงสร้างและเทคโนโลยี
เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องเร่งแก้ไข อาทิ ภาวะสังคมสูงอายุ การลดลงของประชากรวัยทำงาน และความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง [4, 11]. การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Digital Transformation เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สร้างนวัตกรรม และรักษาความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก [19, 21]. หากไทยไม่สามารถเร่งพัฒนาทักษะแรงงานและสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ได้ทัน อาจกลายเป็นเพียงผู้ซื้อเทคโนโลยี แทนที่จะเป็นผู้ผลิตหรือผู้พัฒนา [18].
แนวโน้มในไตรมาสถัดไป
คาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสถัดไปของปี 2025 จะยังคงเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และการแข่งขันจากจีน ยังคงเป็นปัจจัยกดดันสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง
- นโยบายการค้าของสหรัฐฯ: ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีนำเข้าอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกและห่วงโซ่อุปทานของไทย
- การแข่งขันจากจีน: การเข้ามาของสินค้าจีนราคาถูกยังคงเป็นความท้าทายต่อภาคการผลิตและ SMEs ไทย
- หนี้ครัวเรือน: ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงอาจจำกัดกำลังซื้อและส่งผลกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชน
- การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี: การปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AI เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน