เศรษฐกิจ • เทคโนโลยี • ธุรกิจ • AI
ทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2568: AI, Digital Transformation และ BCG Model ขับเคลื่อนสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
เศรษฐกิจไทยปี 2568 เผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายการค้าสหรัฐฯ และปัจจัยภายใน อาทิ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกัน การนำเทคโนโลยี AI และ Digital Transformation รวมถึงโมเดลเศรษฐกิจ BCG และเศรษฐกิจสีเขียว จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโต และสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ
ทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2568: AI, Digital Transformation และ BCG Model ขับเคลื่อนสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังคงเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งจากปัจจัยภายนอกที่ผันผวน เช่น มาตรการภาษีและการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการลงทุน [5, 12, 24] ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศที่ยังคงเป็นแรงกดดัน ได้แก่ ระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในเกณฑ์สูง ภาคธุรกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง และกำลังซื้อที่ยังไม่กลับมาเต็มที่ [5, 31]. สถาบันการเงินหลายแห่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 อาจเผชิญภาวะชะลอตัวหรือแม้กระทั่งภาวะถดถอย [32].
อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยมีเทคโนโลยีและแนวคิดใหม่ๆ ที่จะเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน
AI และ Digital Transformation: กุญแจสู่การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Digital Transformation มาปรับใช้ในภาคธุรกิจกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในปี 2568 [21]. AI มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การวิเคราะห์ข้อมูล และการตัดสินใจทางธุรกิจที่แม่นยำขึ้น [8, 28, 36, 40]. สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI และ Digital Transformation จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ การตลาด และการบริหารจัดการ [22, 33, 35]. การเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และปรับตัวให้ทันกับพลวัตของตลาดโลก [21, 23].
BCG Model และ เศรษฐกิจสีเขียว: การพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่ออนาคต
โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของไทย [2, 13, 14, 19, 26, 27] มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจที่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างโอกาส และลดความเหลื่อมล้ำ [13, 19, 26]. การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) พร้อมกัน จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงและมีความยั่งยืน [2, 14, 20, 26]. การลงทุนในพลังงานสะอาด การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งจะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม [11, 30, 38].
FinTech: การปฏิวัติภาคการเงิน
เทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) ยังคงมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเงินของไทย [3, 7, 9, 10]. การให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย สะดวกสบาย และปลอดภัยยิ่งขึ้น ผ่าน Mobile Banking, E-wallet, และ Digital Payment ช่วยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล [3, 9]. ระบบนิเวศ FinTech ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของตลาด และการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ใช้งาน [3, 10].
แนวโน้มในไตรมาสถัดไป:
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การเร่งปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล การนำ AI มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพ และการขับเคลื่อนตามโมเดล BCG และเศรษฐกิจสีเขียว จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยประคองและผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะต่อไป [5, 12, 24].
ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง:
1. ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและมาตรการการค้า: นโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการลงทุนของไทย [12, 24].
2. เสถียรภาพทางการเมือง: ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ [16, 32].
3. หนี้ครัวเรือนและกำลังซื้อ: ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงยังคงเป็นข้อจำกัดต่อการฟื้นตัวของกำลังซื้อภายในประเทศ [5, 31].
4. การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ: แม้เทคโนโลยี AI จะมีศักยภาพสูง แต่การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI และ Digital Transformation อาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ [28, 36].