เศรษฐกิจไทยปี 2568: เผชิญความท้าทายจากโลกที่ผันผวน แต่ยังมีโอกาสจากการบริโภคภายในและการท่องเที่ยว

เศรษฐกิจไทยปี 2568: เผชิญความท้าทายจากโลกที่ผันผวน แต่ยังมีโอกาสจากการบริโภคภายในและการท่องเที่ยว

บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยปี 2568 ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตที่ได้รับแรงหนุนจากกำลังซื้อภายในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว แต่ยังคงเผชิญความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและนโยบายการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก

เศรษฐกิจไทยปี 2568: เผชิญความท้าทายจากโลกที่ผันผวน แต่ยังมีโอกาสจากการบริโภคภายในและการท่องเที่ยว
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2568

เศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดการณ์ว่าจะยังคงเผชิญกับความท้าทายจากความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ [4, 7, 9] และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของประเทศมหาอำนาจ [7, 9, 27] ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทย [4, 9, 12, 25] อย่างไรก็ตาม คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโต [3, 7, 10, 14, 23, 25]

การเติบโตทางเศรษฐกิจ: ตัวเลขคาดการณ์ที่หลากหลาย

ผู้เชี่ยวชาญและสถาบันการเงินต่างๆ มีการคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยในปี 2568 ที่หลากหลาย โดยมีช่วงตั้งแต่ 1.3% ถึง 3.5% [4, 10, 11, 12, 15, 21, 22]

  • World Bank ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของไทยในปี 2568 ลงเหลือ 1.8% [4, 9, 12] จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 2.9% [3] โดยให้เหตุผลว่าความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบ
  • Krungsri Research คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2.9% ในปี 2568 [5, 6] โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐที่กลับสู่ภาวะปกติ และการลงทุนที่จะขยายตัวเป็นบวก
  • SCB EIC คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 2.4% ในปี 2568 [7] โดยการส่งออกสินค้าคาดว่าจะสูญเสียโมเมนตัมในช่วงครึ่งหลังของปี
  • Deloitte คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2565 จะอยู่ที่ 2.8% [8] โดยได้รับแรงขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคภายในและการท่องเที่ยว
  • กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเร่งตัวขึ้นสู่ 3.0% ในปี 2565 [22] โดยมีปัจจัยสนับสนุน 4 ประการ ได้แก่ การบริโภคภาคเอกชน ภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2.3% ในปี 2565 [13, 15, 28] และ 1.7% ในปี 2566 [13, 28] โดยมองว่าเศรษฐกิจยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง
  • รัฐบาล ตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 3.5% ในปี 2565 [11] โดยได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ:

  • การบริโภคภาคเอกชน: คาดว่าจะยังคงเติบโตได้ดี โดยได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการ Digital Wallet [3, 14]
  • ภาคการท่องเที่ยว: มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับสู่ระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 โดยมีแรงหนุนจากการเพิ่มอุปทาน การอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น [3, 5, 6, 10, 14] โดยคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนในปี 2568 [3, 14]
  • การลงทุน: การลงทุนภาครัฐและการย้ายฐานการผลิตของภาคเอกชนคาดว่าจะสนับสนุนการเติบโตของการลงทุน [5, 6, 8, 19, 22] โดยรัฐบาลมีแผนดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต [19]

ภาคการส่งออกและความท้าทาย:

แม้ว่าการส่งออกจะยังคงเติบโตได้ แต่ก็เผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว [4, 25] โดยเฉพาะตลาดสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน [3, 5] นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าและภาษีนำเข้าที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย [4, 7, 9, 12, 16, 25, 27] รวมถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากสินค้าจีนในตลาดภายในประเทศ [5, 25]

นโยบายการเงินและอัตราเงินเฟ้อ:

อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline Inflation) คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ โดยคาดการณ์อยู่ที่ 0.8% ในปี 2565 [3, 14] และ 0.7% ในปี 2566 [26] ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) [3, 14, 26] ธปท. ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ [13, 16, 18] โดยล่าสุดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% [13]

ปัจจัยที่ต้องจับตามอง:

  • ความตึงเครียดทางการค้าโลก: นโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกาและการตอบโต้จากประเทศคู่ค้ายังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด [4, 7, 9, 12, 16, 25, 27, 30]
  • การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว: แม้จะดีขึ้น แต่ยังมีความเปราะบาง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน [27, 28]
  • หนี้ครัวเรือน: ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) [8, 23]
  • การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง: การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการปฏิรูปเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว [3]

แนวโน้มในไตรมาสถัดไป:

เศรษฐกิจไทยในไตรมาสถัดไปคาดว่าจะยังคงได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศและภาคการท่องเที่ยว แต่การส่งออกยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยประคับประคองเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองอย่างต่อเนื่อง

สรุป:

เศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีทั้งโอกาสและความท้าทาย การบริโภคภายในและการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ในขณะที่ภาคการส่งออกต้องเผชิญกับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกและนโยบายการค้า การบริหารจัดการความเสี่ยงและเร่งการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจจะเป็นกุญแจสำคัญในการพาไทยไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนและบรรลุเป้าหมายการเป็นประเทศที่มีรายได้สูง.