การลงทุนไทยพุ่งแรง H1/2025 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท! ดาต้าเซ็นเตอร์-ดิจิทัล ดันเศรษฐกิจฟื้นตัว

การลงทุนไทยพุ่งแรง H1/2025 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท! ดาต้าเซ็นเตอร์-ดิจิทัล ดันเศรษฐกิจฟื้นตัว

รายงานจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนครึ่งปีแรก 2568 พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 1.06 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 139% จากปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากภาคดิจิทัล โดยเฉพาะธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด พร้อมสัญญาณบวกต่อเนื่องในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (E&E) และโครงสร้างพื้นฐานด้านราง ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพเศรษฐกิจไทย

การลงทุนไทยพุ่งแรง H1/2025 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท! ดาต้าเซ็นเตอร์-ดิจิทัล ดันเศรษฐกิจฟื้นตัว


กรุงเทพฯ, 24 กรกฎาคม 2568 – คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รายงานสถิติสุดร้อนแรงของการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม-มิถุนายน) ที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมียอดรวมสูงถึง 1.06 ล้านล้านบาท หรือราว 32.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นการเติบโตถึง 139% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า การเติบโตครั้งนี้ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการลงทุนในภาคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) ที่ขยายตัวแบบก้าวกระโดดถึง 20 เท่า จนมียอดคำขอรวม 522.6 พันล้านบาท นอกจากนี้ การลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (E&E) รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านราง ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มีต่อศักยภาพและพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทย

ดาต้าเซ็นเตอร์: ดาวเด่นแห่งการลงทุนดิจิทัล


ประเด็นสำคัญที่ต้องวิเคราะห์คือ การลงทุนในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์เพียงอย่างเดียวสามารถดึงดูดมูลค่าการลงทุนรวม 521.2 พันล้านบาท จาก 28 โครงการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับบริการคลาวด์ (Cloud Services) จากกลุ่ม Hyperscalers (ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ระดับโลก) ผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Amazon Web Services (AWS) และ Google รวมถึงแพลตฟอร์มอย่าง TikTok ต่างประกาศแผนการขยายการลงทุนในประเทศไทยและภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

ภาพรวมการลงทุนภาคดิจิทัลและอุตสาหกรรมอื่น


นอกเหนือจากดาต้าเซ็นเตอร์แล้ว ภาคดิจิทัลยังมีการลงทุนในส่วนของบริการคลาวด์อีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 671 ล้านบาท ขณะที่โครงการพัฒนาซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มดิจิทัลมีจำนวนถึง 59 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 669 ล้านบาท

นายณริศร์ ทรงสุทธิ์ เลขาธิการ BOI กล่าวว่า “ยอดคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วงหกเดือนที่ผ่านมานี้ ยืนยันกลยุทธ์ของเราที่มุ่งเน้นภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและมูลค่าเพิ่มสูงได้ผลตอบรับที่ดี ยอดรวมของทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าการลงทุน สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพของไทยและพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดี ผมเชื่อมั่นว่ายอดคำขอทั้งปี 2568 จะทำได้เกินกว่าผลการดำเนินงานของปีก่อนอย่างแน่นอน”

สำหรับภาคอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (E&E) ซึ่งเป็นภาคที่ได้รับการลงทุนสูงเป็นอันดับสอง ยังคงแสดงศักยภาพที่แข็งแกร่ง โดยการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในหมวดนี้มีมูลค่ากว่า 231 พันล้านบาท [14]

การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) เติบโตอย่างแข็งแกร่ง


ข้อมูลจาก BOI ยังชี้ให้เห็นว่า ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2568 มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ (FDI) รวมทั้งสิ้น 1,369 รายการ เพิ่มขึ้นถึง 59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 737.57 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 132% และคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของมูลค่าคำขอรับการส่งเสริมทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว [2]

โครงการโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมอื่นๆ


นอกจากนี้ ยังมีโครงการลงทุนที่น่าสนใจในภาคอื่นๆ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีมูลค่าการลงทุน 109.2 พันล้านบาท [2] แสดงให้เห็นถึงการลงทุนที่กระจายตัวในอุตสาหกรรมสำคัญต่างๆ

ประเด็นที่ต้องจับตา:

  • การเติบโตของภาคดิจิทัล: การลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริง และคาดว่าแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไป
  • นโยบายส่งเสริมการลงทุน: การผลักดันของ BOI ในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น เทคโนโลยีดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ
  • ความท้าทายด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน: การขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์ย่อมมาพร้อมกับความต้องการพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ ซึ่งต้องมีการวางแผนจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ [18]
  • แนวโน้มเศรษฐกิจไทย: แม้ภาพรวมการลงทุนจะสดใส แต่การคาดการณ์ GDP ไทยในปี 2568 จากสถาบันต่างๆ ยังมีความหลากหลาย โดย World Bank คาดการณ์ไว้ที่ 1.8% [4] และ SCB EIC คาดการณ์ที่ 1.5% [21] ซึ่งสะท้อนความท้าทายจากปัจจัยภายนอกและโครงสร้างภายในประเทศ

โดยสรุป การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 นี้ เป็นสัญญาณที่ดีต่อการฟื้นตัวและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในภาคเทคโนโลยีดิจิทัลที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาประเทศ.