ทิศทางตลาดโลกปี 2568: เทคโนโลยีขับเคลื่อน โอกาสและความท้าทายจากภูมิรัฐศาสตร์และอัตราดอกเบี้ย

ทิศทางตลาดโลกปี 2568: เทคโนโลยีขับเคลื่อน โอกาสและความท้าทายจากภูมิรัฐศาสตร์และอัตราดอกเบี้ย

สำรวจแนวโน้มตลาดโลกปี 2567-2568 พบว่าภาคเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ยังคงเป็นดาวเด่นที่ดึงดูดการลงทุน ขณะที่ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และทิศทางอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นปัจจัยกดดันสำคัญ.

ภาพรวม: ความยืดหยุ่นท่ามกลางความไม่แน่นอน


ในขณะที่เศรษฐกิจโลกยังคงแสดงความยืดหยุ่นอย่างน่าประหลาดใจ ท่ามกลางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ [10, 21] แต่ภาพรวมการลงทุนทั่วโลกในปี 2567-2568 ยังคงถูกบดบังด้วยความไม่แน่นอนที่มาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้า [4, 13] ซึ่งส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโต โครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน และทิศทางเงินเฟ้อทั่วภูมิภาค [4]

เทคโนโลยี: ตัวขับเคลื่อนสำคัญของการลงทุนและเศรษฐกิจ


สิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองคือบทบาทของภาคเทคโนโลยีในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลก [5, 8, 9, 12, 16] การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning กำลังดึงดูดเงินลงทุนจำนวนมหาศาล โดยสตาร์ทอัพด้าน AI ระดมทุนได้ถึง 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 [8] การลงทุนในเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง, การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity), และเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน ก็ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง [9] ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทั่วโลกจะเติบโตขึ้น 9.3% ในปี 2568 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของศูนย์ข้อมูล (Data Center) และซอฟต์แวร์ ที่คาดว่าจะมีการเติบโตในอัตราเลขสองหลัก [16]

ความท้าทายจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และอัตราดอกเบี้ย


แม้ว่าภาคเทคโนโลยีจะสดใส แต่ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาด [1, 3, 6, 7] เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ, ความตึงเครียดทางการทูต, หรือการก่อการร้าย สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดหุ้น, ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาล, และเสถียรภาพทางการเงิน [6] โดยทั่วไปแล้ว ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวลดลงในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์สูง [6] และแม้ว่าผลกระทบในระยะยาวมักจะจำกัด แต่ความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจนำไปสู่การปรับฐานในระยะสั้น [3, 7]

ในส่วนของอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าแนวโน้มเงินเฟ้อทั่วโลกจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง [10, 15] แต่การคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยยังคงมีความหลากหลาย [2, 21, 22, 23] ขณะที่บางส่วนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางหลายแห่งจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงปี 2568 [21] แต่ก็ยังมีความกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อที่อาจคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในส่วนของภาคบริการ อาจทำให้ธนาคารกลางบางแห่ง โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง [10, 14, 17, 20] การคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นเวลานานอาจเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนได้

ทิศทางการลงทุนที่น่าสนใจ

จากปัจจัยข้างต้น การลงทุนในภาคเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI และ Cloud Computing ยังคงเป็นธีมหลักที่น่าจับตามอง [5, 9, 16] ขณะเดียวกัน ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ในช่วงเวลาที่ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่ [3, 17] นักลงทุนควรติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักอย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปกับการกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์และภูมิภาคที่หลากหลาย เพื่อบริหารจัดการความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น

ให้คะแนนความน่าสนใจในการลงทุน: 7/10

เหตุผล: ภาคเทคโนโลยีโดยเฉพาะ AI ยังคงเป็นดาวเด่นที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ขณะที่ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด การกระจายความเสี่ยงและการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ จะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนได้