เทคโนโลยี • ธุรกิจ • AI
คำเตือน: AI กำลังเปลี่ยนโลกไซเบอร์! ไทยเผชิญภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในปี 2025
ปี 2568 เป็นปีที่ประเทศไทยต้องจับตาทิศทางภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างใกล้ชิด เมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่เพียงแต่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนภาคธุรกิจและเศรษฐกิจ แต่ยังกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังของเหล่าอาชญากรไซเบอร์ ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อน รุนแรง และยากต่อการตรวจจับมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ 'Autonomous Hacks' ที่ AI โจมตีระบบ AI ด้วยกันเอง ไปจนถึง 'Deepfakes' ที่แนบเนียนจนแยกแยะได้ยาก บทความนี้จะเจาะลึกถึงภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่เกิดจาก AI พร้อมแนวทางการป้องกันที่จำเป็นสำหรับองค์กรและประชาชน.
คำเตือน: AI กำลังเปลี่ยนโลกไซเบอร์! ไทยเผชิญภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในปี 2025
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเร่งเครื่องเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างกว้างขวาง แต่เบื้องหลังความก้าวหน้านี้ ภัยคุกคามทางไซเบอร์ก็กำลังทวีความรุนแรงและซับซ้อนขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2568 นี้ ที่ AI ได้กลายเป็นอาวุธสำคัญของเหล่าอาชญากรไซเบอร์ ทำให้เกิดรูปแบบการโจมตีใหม่ๆ ที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
ภัยคุกคาม AI รูปแบบใหม่ที่ต้องเฝ้าระวัง
จากรายงานและการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์หลายสำนัก ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มภัยคุกคามที่กำลังจะทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งล้วนมี AI เป็นตัวขับเคลื่อน ดังนี้:
- Autonomous Hacks (การแฮกอัตโนมัติ): นี่คือรูปแบบการโจมตีที่น่ากลัวที่สุด โดย AI จะถูกใช้เพื่อเจาะระบบและปิดการทำงานของระบบ AI อื่นๆ ที่องค์กรต่างๆ พึ่งพา การโจมตีลักษณะนี้อาจส่งผลให้ธุรกิจหยุดชะงัก สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อการดำเนินงานและชื่อเสียง [17]
- AI-Powered Phishing & Deepfakes: การหลอกลวงผ่านฟิชชิ่ง (Phishing) และการปลอมแปลงข้อมูล (Deepfakes) จะมีความแนบเนียนอย่างยิ่ง โดย AI สามารถเลียนแบบเสียงและใบหน้าของบุคคลได้อย่างสมจริง ทำให้ยากต่อการแยกแยะการสื่อสารที่แท้จริงออกจากของปลอม ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล [17, 18]
- AI-Generated Malware: ความสามารถของ AI ในการสร้างมัลแวร์ (Malware) ที่ซับซ้อนและหลากหลายนั้นน่าตกใจ เครื่องมืออย่าง "MalwareGPT" สามารถสร้างไวรัสไซเบอร์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ในอัตราที่น่าตื่นตระหนก [17]
- Social Manipulation & Disinformation: AI สามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปั่นกระแสสังคม ควบคุมความคิดเห็นสาธารณะผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้ข่าวปลอม (Fake News) และข้อมูลบิดเบือนกลายเป็นอาวุธร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและประเทศชาติ [17]
- Ransomware & Supply Chain Attacks: การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ (Ransomware) และการโจมตีผ่านห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Attacks) จะมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยอาชญากรไซเบอร์จะใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อสร้างมัลแวร์ที่สามารถหลบเลี่ยงระบบป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ [9]
สถานการณ์ในประเทศไทย: ความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลจาก National Cyber Security Agency (NCSA) ระบุว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 เกิดเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์แล้วกว่า 1,002 กรณี โดยกว่าครึ่งของบริษัทในไทยได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของข้อมูล (Data Leaks), การโจมตีแบบ DDoS และแรนซัมแวร์ [18] นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า 94% ของความพยายามในการเข้าสู่ระบบโดยใช้ข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมยนั้นดำเนินการโดยบอท (Bots) ที่ใช้ AI [18]
ภาคธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีอย่าง AI, Internet of Things (IoT) และ Cloud Computing เพิ่มขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มช่องโหว่ให้เหล่าแฮกเกอร์เข้ามาโจมตีได้ง่ายขึ้น [9] ขณะที่การทำงานแบบ Remote Working ก็ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้พนักงานอาจเชื่อมต่อกับเครือข่ายองค์กรผ่านอุปกรณ์ส่วนตัวที่อาจไม่ปลอดภัยเพียงพอ [9]
กฎหมายและมาตรการรับมือ: ความพร้อมของไทย
รัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงปัญหานี้และได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ได้เพิ่มอำนาจให้หน่วยงานรัฐและผู้ให้บริการโทรศัพท์สามารถระงับหรือปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับบุคคลต้องห้าม และกำหนดความรับผิดชอบที่ชัดเจนมากขึ้น [3, 4] นอกจากนี้ มาตรฐานขั้นต่ำสำหรับระบบข้อมูลหรือสารสนเทศที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2568 กำหนดให้หน่วยงานต่างๆ ต้องประเมินลักษณะและความเสี่ยงของระบบเพื่อกำหนดมาตรการควบคุมที่เหมาะสม [5, 6, 8]
วิธีป้องกันที่ง่ายที่สุดคือ...
การสร้างความตระหนักรู้และการปรับตัวให้เท่าทันภัยคุกคามรูปแบบใหม่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทั้งองค์กรและประชาชนทั่วไป:
1. อัปเดตความรู้และเทคโนโลยีอยู่เสมอ: เรียนรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI และวิธีการตรวจจับเบื้องต้น
2. ใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม: การมีแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร (Unified Data Security Platform) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะช่วยให้รับมือกับภัยคุกคามที่หลากหลายได้ดียิ่งขึ้น [15]
3. สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย: ส่งเสริมให้พนักงานทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยทางไซเบอร์ และปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด
4. ระมัดระวังข้อมูลและการสื่อสาร: อย่าหลงเชื่ออีเมล ข้อความ หรือการติดต่อที่น่าสงสัย โดยเฉพาะที่ร้องขอข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงิน
5. ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล: ก่อนเชื่อหรือแชร์ข้อมูล ควรตรวจสอบแหล่งที่มาให้แน่ใจว่าน่าเชื่อถือ
6. สำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ: การสำรองข้อมูลสำคัญไว้สม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถกู้คืนข้อมูลได้หากตกเป็นเป้าของการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์
คำเตือน: ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI นั้นกำลังทวีความรุนแรงและซับซ้อนขึ้น การละเลยหรือประมาทอาจนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงที่แก้ไขได้ยาก องค์กรและประชาชนควรเตรียมพร้อมรับมืออย่างจริงจัง เพื่อรักษาความปลอดภัยในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนี้