AI • การลงทุน • ธุรกิจ • เศรษฐกิจ
AI ขับเคลื่อนอนาคต: ส่องเทรนด์การลงทุนและโอกาสในภาคการเงินไทยปี 2025
ปี 2568 กำลังจะกลายเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของภาคการเงินไทย ด้วยการเข้ามาของ AI ที่ไม่เพียงแต่จะยกระดับการให้บริการ แต่ยังสร้างโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่น่าจับตามอง ตั้งแต่การปรับปรุงระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ การบริหารความเสี่ยง ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์ทางการเงินเฉพาะบุคคล บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเทรนด์สำคัญและโอกาสที่ AI มอบให้กับประเทศไทย พร้อมเจาะลึกว่านักลงทุนและธุรกิจควรเตรียมพร้อมอย่างไรในยุคแห่งนวัตกรรมนี้
AI: มังกรแห่งนวัตกรรมที่กำลังปลุกเร้าภาคการเงินไทยสู่ยุคใหม่ในปี 2568
ลองจินตนาการดูว่า โลกการเงินของคุณจะหมุนเร็วและฉลาดขึ้นเพียงใดเมื่อมีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทุกธุรกรรม ปี 2568 นี้ ถือเป็นปีทองที่ AI กำลังจะสยายปีก โอบกอด และพลิกโฉมภูมิทัศน์ภาคการเงินของประเทศไทยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รายงานและการวิเคราะห์ล่าสุดชี้ตรงกันว่า AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีแห่งอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโต สร้างโอกาสการลงทุน และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ.
ภาคการเงินไทย: ก้าวกระโดดสู่ยุค AI-Powered
ธนาคารและสถาบันการเงินในไทยกำลังเดินหน้าเต็มตัวในการนำ AI มาใช้ในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การยกระดับการบริการลูกค้าด้วย Chatbot ภาษาไทยที่เข้าใจบริบทได้อย่างลึกซึ้ง [21] การบริหารความเสี่ยงและตรวจจับการทุจริตแบบเรียลไทม์ [26] ไปจนถึงการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ “Personalized” เฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง [2]. การเข้ามาของ AI ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน [24] แต่ยังเปิดประตูสู่การสร้างรายได้ใหม่ๆ ที่คาดการณ์ว่า 75% ของรายได้ของ SCBX จะมาจาก AI ภายในปี 2570 [9].
โอกาสการลงทุนที่น่าจับตามอง: AI ในตลาดทุนไทย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ก็ไม่น้อยหน้า! การร่วมมือกับ Google Cloud ในการพัฒนา ATLAS (Automated Thai Listed Company AI-Info System) [17] ระบบค้นหาข้อมูลอัจฉริยะที่ใช้ Generative AI นี้ กำลังจะปฏิวัติวงการตลาดทุนไทย ATLAS จะช่วยให้นักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น [17, 22] เปรียบเสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตลาดหุ้น.
นอกจากนี้ แนวโน้มการใช้ AI Agent ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (Robo-advisor) ก็กำลังมาแรง [14, 19] ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยลดต้นทุนการให้คำปรึกษาทางการเงินลงอย่างมหาศาล [19] แต่ยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินสำหรับคนกลุ่มใหญ่ที่อาจเข้าไม่ถึงที่ปรึกษาแบบดั้งเดิม.
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI: รากฐานสำคัญของการเติบโต
รัฐบาลไทยเองก็ตระหนักดีถึงความสำคัญของ AI โดยมีการผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI อย่างจริงจัง ด้วยเป้าหมายที่จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลาง AI ของภูมิภาค [2] มีการตั้งเป้าหมายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI กว่า 15.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2570 [6] รวมถึงการพัฒนา Open-source AI infrastructure และ National Data Centre [6]. นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าภาคเอกชนจะลงทุนอีกกว่า 5 แสนล้านบาท ใน Data Centers ที่รองรับ AI ในช่วงปี 2569-2570 [25]. สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของ AI อย่างยั่งยืน.
Fintech Thailand 2025: ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยนวัตกรรม
อุตสาหกรรม Fintech ในไทยก็เติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 82.47% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา [4] และด้วยการผลักดันจากนโยบาย Thailand 4.0 [13] ตลาด Fintech ของไทยจึงมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านการชำระเงิน การให้กู้ยืมทางเลือก (Alternative Lending) Wealthtech และ Regtech [4]. การผสมผสานระหว่าง Fintech และ AI กำลังจะสร้างนวัตกรรมบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัลได้อย่างตรงจุด.
ความท้าทายและทิศทางในอนาคต
แม้ว่าโอกาสจะมากมาย แต่ความท้าทายก็มีอยู่จริง การปรับตัวของบุคลากรให้พร้อมรับมือกับ AI [2] การกำกับดูแล AI อย่างมีความรับผิดชอบ [6] และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี [24] คือสิ่งสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือ.
ปี 2568 นี้คือโอกาสทองของประเทศไทยในการนำ AI มาใช้ประโยชน์สูงสุดในภาคการเงินและเศรษฐกิจโดยรวม การเตรียมความพร้อม การลงทุนอย่างชาญฉลาด และการปรับตัวให้ทันกับเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไป จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาเราก้าวสู่ยุคแห่งนวัตกรรมทางการเงินอย่างแท้จริง.