AI • ธุรกิจ • การลงทุน • เทคโนโลยี
AI ขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน: โอกาสการลงทุน เทรนด์สีเขียว และภูมิทัศน์กฎหมายที่กำลังเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย
บทความเจาะลึกถึงการเติบโตของ AI ในประเทศไทย โดยเฉพาะการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน โอกาสในการลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียว และภูมิทัศน์กฎหมายที่กำลังเปลี่ยนแปลง พร้อมวิเคราะห์เทรนด์สำคัญที่ธุรกิจต้องจับตาในปี 2025.
AI ขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน: โอกาสการลงทุน เทรนด์สีเขียว และภูมิทัศน์กฎหมายที่กำลังเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย
สตาร์ทอัพ สตอรี่ | 24 กรกฎาคม 2568
ในโลกธุรกิจที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ใช่เพียงเครื่องมือสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน และเปิดประตูสู่โอกาสการลงทุนที่น่าสนใจในประเทศไทย ท่ามกลางภูมิทัศน์กฎหมายที่กำลังปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เรื่องราวนี้จะพาคุณไปสำรวจเทรนด์ที่กำลังมาแรง และสิ่งที่ธุรกิจไทยควรเตรียมพร้อมสำหรับปี 2025
AI กับความยั่งยืน: ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือความจำเป็น
ท่ามกลางความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม และความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นจากผู้บริโภคในเรื่อง ESG (Environmental, Social, and Governance) ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ต่างเร่งปรับตัวเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร [5, 12]. AI มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนเป้าหมายนี้ ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร การพัฒนากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจโลกมากขึ้น [10, 11].
เทรนด์ AI ที่น่าจับตาในปี 2025: ก้าวสู่การใช้งานเชิงกลยุทธ์
IBM ประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่าในปี 2025 การนำ AI มาใช้ในองค์กรจะก้าวข้ามจากการทดลองไปสู่การนำไปปฏิบัติเชิงกลยุทธ์มากขึ้น โดยเน้นที่ AI ที่ขับเคลื่อนผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) และ AI Agent ที่มีความสามารถในการตัดสินใจและดำเนินการต่างๆ ได้เอง [2]. นอกจากนี้ การพัฒนาโมเดล AI ที่มีขนาดเล็กลงและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น (Right-sizing AI models) ก็เป็นอีกเทรนด์สำคัญ ที่จะช่วยลดการใช้ข้อมูลในการฝึกฝนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม [2].
โอกาสการลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียว: เติบโตไปพร้อมกับ AI
ตลาดเทคโนโลยีสีเขียว (Green Tech) และความยั่งยืนในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีแรงผลักดันจากการให้ความสำคัญกับหลักการ ESG และความต้องการของตลาดที่มองหาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม [11]. คาดการณ์ว่าตลาดนี้จะเติบโตเฉลี่ยเกือบ 25% ต่อปีในทศวรรษหน้า [17]. ความร่วมมือระหว่าง AI และเทคโนโลยีสีเขียว จะเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากร หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อโลก [10].
ภูมิทัศน์กฎหมาย AI ในประเทศไทย: ความท้าทายและการปรับตัว
ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญในการพัฒนากรอบกฎหมายสำหรับ AI โดยมีร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาหลายฉบับ เช่น ร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ และร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยผู้ประกอบธุรกิจที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ [3, 6, 9]. กฎหมายเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและประเด็นด้านจริยธรรม [3, 7].
องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับกฎระเบียบเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการบริหารจัดการข้อมูล (Data Governance), ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity), และการปฏิบัติตามหลักการด้านจริยธรรม (Ethical AI) [4, 14]. การมีกรอบการกำกับดูแล AI ที่ชัดเจน จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรม AI ในระยะยาว [2, 10].
อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI: บทสรุปสำหรับธุรกิจไทย
ปี 2025 จะเป็นปีที่ AI มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ทั้งในด้านการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน การเพิ่มประสิทธิภาพ และการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน [14, 18]. ธุรกิจที่สามารถปรับตัว เรียนรู้ และนำ AI มาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีกลยุทธ์และมีความรับผิดชอบ จะเป็นผู้ที่อยู่รอดและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในยุคดิจิทัลนี้
เรื่องราวนี้สอนให้เรารู้ว่า: การลงทุนใน AI และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน ไม่ใช่เพียงการลงทุนเพื่ออนาคต แต่เป็นการลงทุนเพื่อความอยู่รอดและความเติบโตอย่างมีคุณภาพในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว องค์กรที่พร้อมรับมือและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ จะสามารถสร้างความแตกต่างและนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนได้อย่างแน่นอน