AI ขับเคลื่อนไทยสู่ยุคใหม่: กลยุทธ์ดิจิทัล การลงทุน และความยั่งยืนที่ต้องจับตาในปี 2568

AI ขับเคลื่อนไทยสู่ยุคใหม่: กลยุทธ์ดิจิทัล การลงทุน และความยั่งยืนที่ต้องจับตาในปี 2568

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยมี AI เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ การลงทุน และการพัฒนาความยั่งยืน บทความนี้เจาะลึกกลยุทธ์ AI ของไทย การลงทุนที่น่าจับตา และแนวโน้ม ESG ที่จะกำหนดทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต

AI ขับเคลื่อนไทยสู่ยุคใหม่: กลยุทธ์ดิจิทัล การลงทุน และความยั่งยืนที่ต้องจับตาในปี 2568


ประเด็นสำคัญที่ต้องวิเคราะห์คือ การเข้ามามีบทบาทอย่างมีนัยสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย โดยเฉพาะในปี 2568 ที่เป็นปีแห่งการเร่งเครื่องตามเป้าหมาย Thailand 4.0 และการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง AI ในภูมิภาคอาเซียน ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วย AI ที่ประกาศใช้ ตั้งแต่ปี 2565-2570 ได้วางรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาและประยุกต์ใช้ AI ในหลากหลายมิติ ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การสร้างบุคลากรที่มีทักษะ และการพัฒนากรอบกฎหมายและจริยธรรมเพื่อรองรับการเติบโตอย่างมีคุณภาพ

กลยุทธ์ AI ของไทย: ก้าวสู่ฮับภูมิภาค


รัฐบาลไทยได้วางแผนเชิงรุกเพื่อผลักดันการประยุกต์ใช้ AI ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นภาคส่วนที่สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคม เช่น การแพทย์ การท่องเที่ยว และเกษตรกรรม [2] นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาทักษะด้าน AI ให้กับประชาชน โดยตั้งเป้าฝึกอบรมผู้ใช้งาน AI จำนวน 10 ล้านคน ผู้เชี่ยวชาญ AI 90,000 คน และนักพัฒนา AI 50,000 คน ภายในสองปี [2] การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมถึงระบบคลาวด์ ศูนย์ข้อมูล ระบบประมวลผล GPU และการพัฒนาแพลตฟอร์ม AI แบบ Open-source ก็เป็นหัวใจสำคัญ เพื่อสนับสนุนการนำเทคโนโลยี AI มาใช้อย่างแพร่หลายในต้นทุนที่เข้าถึงได้ [2]

การลงทุนที่น่าจับตา: Data Center และ Generative AI


ปี 2568 เป็นปีทองของธุรกิจเทคโนโลยีในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนใน Data Center ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากความต้องการในการประมวลผลข้อมูลมหาศาล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรม AI ที่กำลังขยายตัว [21] บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกหลายแห่ง เช่น Google, Microsoft และ TikTok ได้ประกาศการลงทุนมูลค่ามหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย [17, 25] ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจดิจิทัลของไทย แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงศักยภาพของประเทศในการเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีในภูมิภาค

นอกจากนี้ Generative AI (GenAI) ยังเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่คาดว่าจะเข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในด้านการสร้างสรรค์เนื้อหา การบริการลูกค้า และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก [5] การลงทุนใน AI Agentic Systems ที่สามารถคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจได้เอง ก็เป็นอีกแนวโน้มที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีศักยภาพในการจัดการงานที่ซับซ้อนและแก้ปัญหาที่มีหลายมิติ [12]

ความยั่งยืน (ESG) และกฎหมาย AI: สมดุลที่ต้องหา


ภายใต้การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ความยั่งยืน (Sustainability) และหลักการ ESG (Environmental, Social, and Governance) กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนและผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น [4, 10] หลายบริษัทในไทยได้เริ่มผสานเป้าหมาย ESG เข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม [4] การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีสีเขียว และการเงินสีเขียว (Green Finance) ได้รับการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง [10]

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยกำลังเร่งพัฒนากรอบกฎหมายสำหรับ AI เพื่อให้เกิดการใช้งานอย่างรับผิดชอบ [3, 6, 9, 14] โดยมีการพิจารณาแนวทางที่หลากหลาย ทั้งการควบคุมที่เข้มงวดตามโมเดลของสหภาพยุโรป หรือการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมควบคู่ไปกับการกำกับดูแลอย่างยืดหยุ่น [9] ประเด็นสำคัญคือการสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรม AI กับการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อสังคมและผู้บริโภค [9, 14] การกำหนดระดับความเสี่ยงของ AI ที่ชัดเจน การมีตัวแทนในประเทศสำหรับผู้ให้บริการ AI จากต่างประเทศ และกลไกการรายงานอุบัติการณ์ เป็นส่วนหนึ่งของหลักการที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา [14]

สรุป

ปี 2568 ถือเป็นปีแห่งโอกาสครั้งสำคัญของประเทศไทยในการยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมี AI เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การพัฒนาบุคลากร และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรม AI อย่างรับผิดชอบ จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายที่วางไว้ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและครอบคลุมในระยะยาว