AI • ธุรกิจ • การลงทุน
AI ขับเคลื่อนไทยสู่ยุคใหม่: โอกาสการลงทุนในธุรกิจยั่งยืนและเทคโนโลยีสีเขียว ปี 2025
ในปี 2568 ประเทศไทยกำลังเร่งเครื่องขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับภาคธุรกิจ โอกาสการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีสีเขียว (Green Tech) และการประยุกต์ใช้ AI ในการพัฒนา ESG (Environmental, Social, and Governance) กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI และการพัฒนาบุคลากร AI เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมที่ยั่งยืนในภูมิภาค
AI ขับเคลื่อนไทยสู่ยุคใหม่: โอกาสการลงทุนในธุรกิจยั่งยืนและเทคโนโลยีสีเขียว ปี 2025
ในภาพรวม การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจของประเทศไทยกำลังทวีความสำคัญยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2568 ที่หลายองค์กรตระหนักถึงบทบาทของ AI ในฐานะเครื่องมือสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับหลักการ ESG (Environmental, Social, and Governance) [4, 11, 14]. แนวโน้มนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต [5, 12].
AI ในฐานะเครื่องมือสู่ธุรกิจยั่งยืนและ ESG
AI ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและ ESG อีกด้วย [11, 14]. การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล (Big Data) ด้วย AI ช่วยให้องค์กรสามารถประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น [15]. นอกจากนี้ AI ยังมีบทบาทสำคัญในการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประเภท Scope 3 ซึ่งเป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดในการวัดผล [15]. การนำ Generative AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินและการจัดซื้อจัดจ้าง ช่วยให้การคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีความถูกต้องและเป็นระบบมากขึ้น [15].
โอกาสการลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียว (Green Tech) และพลังงานสะอาด
ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการลงทุนด้านเทคโนโลยีสะอาด (Cleantech) และพลังงานหมุนเวียน โดยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากภาคส่วนต่างๆ [2, 5, 6]. นโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนพลังงานสะอาด รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักลงทุน [2, 6, 8].
- พลังงานหมุนเวียน: การลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล และพลังงานจากขยะ ยังคงเป็นที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มสูงขึ้น [5, 7].
- ยานยนต์ไฟฟ้า (EV): แม้จะมีการผลักดันเป้าหมายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง แต่เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicles) และยานยนต์ที่เชื่อมต่อกัน (Connected Vehicles) ยังต้องการกรอบกฎหมายและโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ [5].
- เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน: การลงทุนในโซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำและลดการใช้ปุ๋ยในภาคเกษตรกรรม ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่น่าสนใจ [5].
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI และการพัฒนาบุคลากร
ประเทศไทยได้ประกาศความมุ่งมั่นในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่ากว่า 1.54 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2570 [10]. การลงทุนนี้ครอบคลุมถึงการพัฒนาบุคลากร AI โดยมีเป้าหมายในการสร้างผู้ใช้งาน AI จำนวน 10 ล้านคน ผู้เชี่ยวชาญ 90,000 คน และนักพัฒนา 50,000 คน [10, 12]. นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ร่วมมือกับ UNESCO ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมและส่งเสริมธรรมาภิบาล AI แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ [10].
แนวโน้ม AI ที่น่าจับตามองในปี 2568
IBM ประเทศไทย ได้คาดการณ์แนวโน้ม AI ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2568 โดยเน้นที่:
- Agentic AI: AI ที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระ ประสานงานกับมนุษย์ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ [3, 9].
- Strategic AI for ROI: การใช้ AI อย่างมีกลยุทธ์เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) [3].
- Rightsizing AI Models: การปรับขนาดโมเดล AI ให้เหมาะสมกับความต้องการทางธุรกิจ [3].
- Human-Centric AI: การพัฒนา AI โดยคำนึงถึงมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและความภักดีต่อแบรนด์ [3].
สรุป
ปี 2568 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ AI จะเข้ามามีบทบาทอย่างแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและการดำเนินงานตามหลัก ESG การลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด โครงสร้างพื้นฐาน AI และการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและนำพาประเทศไทยไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว.