เทคโนโลยี • ธุรกิจ • เศรษฐกิจ
คำเตือน: ธุรกิจไทยเสี่ยงภัย! ฟิชชิงพุ่ง 240,000 ครั้ง เสี่ยงถูกดูดเงิน-ข้อมูล
โดย The White Hat | เผยแพร่: 24/7/2568 | ปรับปรุงล่าสุด: 24/7/2568
ธุรกิจไทยเผชิญวิกฤตความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างหนัก พบการโจมตีฟิชชิงพุ่งสูงถึง 240,000 ครั้งในปี 2024 สูงที่สุดในอาเซียน บ่งชี้ช่องโหว่ร้ายแรงที่อาจนำไปสู่การสูญเสียข้อมูลทางการเงินและทรัพย์สินจำนวนมหาศาล
ธุรกิจไทยเผชิญวิกฤต! ฟิชชิงพุ่ง 240,000 ครั้ง เสี่ยงถูกดูดเงิน-ข้อมูล เผยช่องโหว่ร้ายแรงที่ต้องเร่งอุด
กรุงเทพฯ – ภัยคุกคามทางไซเบอร์กำลังคุกคามภาคธุรกิจไทยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ข้อมูลล่าสุดจาก Kaspersky บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก เปิดเผยว่า ธุรกิจในประเทศไทยต้องเผชิญกับการพยายามโจมตีแบบฟิชชิงทางการเงิน (Financial Phishing) มากกว่า 240,000 ครั้งในปี 2024 ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฏการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงวิกฤตความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากธุรกิจในภูมิภาคนี้กลายเป็นเป้าหมายหลักของอาชญากรไซเบอร์ที่ต้องการขโมยข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน
วิธีป้องกันที่ง่ายที่สุดคือ: การตระหนักรู้และระมัดระวังในทุกการสื่อสารออนไลน์ คืออาวุธที่ดีที่สุดที่ธุรกิจและบุคคลทั่วไปมี
ฟิชชิงทางการเงิน: ภัยร้ายที่มองข้ามไม่ได้
การฟิชชิงทางการเงินคือกลโกงที่ผู้โจมตีใช้เว็บไซต์ปลอม อีเมลหลอกลวง และข้อความที่สร้างความเข้าใจผิด เพื่อล่อลวงเหยื่อให้เปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน ข้อมูลบัตรเครดิต หรือรายละเอียดบัญชีธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่ธนาคาร ระบบการชำระเงิน และร้านค้าออนไลน์ โดยใช้เว็บไซต์ที่ออกแบบมาให้เหมือนกับแพลตฟอร์มที่ถูกกฎหมายทุกประการ
ตัวเลขที่น่าตกใจ
Kaspersky รายงานว่า โซลูชันด้านความปลอดภัยของบริษัทสามารถบล็อกการพยายามเปิดลิงก์ฟิชชิงทางการเงินทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ถึง 534,759 ครั้งในปีที่ผ่านมา โดยประเทศไทยมีสัดส่วนการถูกโจมตีสูงสุดถึง 247,560 ครั้ง ตามมาด้วยอินโดนีเซีย (85,908 ครั้ง) และมาเลเซีย (64,779 ครั้ง) ในขณะที่เวียดนามมี 59,560 ครั้ง และสิงคโปร์กับฟิลิปปินส์มีประมาณ 38,000 ครั้งเท่ากัน
คำเตือน: อาชญากรไซเบอร์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI เพื่อสร้างเว็บไซต์ปลอมที่มีความน่าเชื่อถือสูงขึ้น ทำให้ผู้คนตกเป็นเหยื่อได้ง่ายขึ้น
เหตุใดธุรกิจไทยจึงตกเป็นเป้าหมาย?
การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคนี้ ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030 ทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นแหล่งผลกำไรชั้นดีสำหรับอาชญากรไซเบอร์ นอกจากนี้ การที่ธุรกิจต่างๆ ทั่วประเทศไทยกำลังปรับตัวสู่ระบบดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ก็ยิ่งเปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีเข้ามาโจมตีได้ง่ายขึ้น
วิธีป้องกันที่ง่ายที่สุดคือ:
* ตรวจสอบแหล่งที่มา: อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากอีเมล ข้อความ หรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ แม้จะดูเหมือนมาจากแหล่งที่คุ้นเคยก็ตาม
* ตรวจสอบ URL: ก่อนกรอกข้อมูลใดๆ ตรวจสอบ URL ของเว็บไซต์ให้แน่ใจว่าถูกต้อง และไม่มีการสะกดผิดหรือตัวอักษรที่ผิดปกติ
* ใช้ซอฟต์แวร์ความปลอดภัย: ติดตั้งและอัปเดตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและมัลแวร์อยู่เสมอ
* การยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย (MFA): หากเป็นไปได้ ให้เปิดใช้งาน MFA สำหรับบัญชีออนไลน์ที่สำคัญของคุณ
* การฝึกอบรมพนักงาน: ธุรกิจควรจัดอบรมให้พนักงานมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์และวิธีการป้องกันอย่างสม่ำเสมอ
ความร่วมมือระดับภูมิภาค
ประเทศไทยกำลังเร่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ผ่านความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในอาเซียน เช่น กลยุทธ์ความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอาเซียน (ASEAN Cybersecurity Cooperation Strategy) ซึ่งส่งเสริมการแบ่งปันข้อมูลและการตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างบูรณาการ
คำเตือน: การลดการใช้จ่ายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหรือการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ล่าช้า อาจทำให้ธุรกิจมีความเสี่ยงมากขึ้น
ภาคธุรกิจในประเทศไทยจำเป็นต้องตื่นตัวและใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลของตนเอง การลงทุนในเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัยและการให้ความรู้แก่บุคลากรอย่างต่อเนื่อง คือสิ่งสำคัญยิ่งในการรับมือกับภัยคุกคามที่ทวีความซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน