ธุรกิจ • เทคโนโลยี

เปิดเทรนด์ E-commerce ไทยปี 2025: Affiliate Commerce, Social Commerce และ AI คือกุญแจสู่ความสำเร็จ

เจาะลึกเทรนด์ E-commerce ไทยปี 2025 ที่จะขับเคลื่อนตลาดให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้ง Affiliate Commerce ที่มาแรงสุดๆ, Social Commerce ที่เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค, การจัดส่งที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม และการนำ AI มาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล พร้อมเคล็ดลับสำหรับผู้ประกอบการในการปรับตัวให้ทัน.

เปิดเทรนด์ E-commerce ไทยปี 2025: Affiliate Commerce, Social Commerce และ AI คือกุญแจสู่ความสำเร็จ

5 เทรนด์สำคัญที่จะขับเคลื่อน E-commerce ไทยในปี 2025

Affiliate Commerce กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของ E-commerce ไทยในปี 2025 โดย Influencer และ Content Creator มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคไทยถึง 83% [3, 6, 9]. การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและทำงานร่วมกับ Top Creator จะช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างมีนัยสำคัญ ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการเฟ้นหาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ Creator ที่จะมาเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ [3, 6].

2. Social Commerce Revolution: ช้อปปิ้งที่ผสานความบันเทิง

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram และ TikTok ได้กลายเป็นตลาดซื้อขายที่สำคัญ เทรนด์ Social Commerce ที่ผสานความบันเทิงเข้ากับการช้อปปิ้ง ช่วยให้ผู้บริโภคค้นพบและซื้อสินค้าได้สะดวก โดยไม่ต้องออกจากแอปพลิเคชัน [4]. Livestream Shopping ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ Shoppable Posts ช่วยลดขั้นตอนการซื้อให้ง่ายขึ้น [4].

3. Fast Delivery Like a Devil: ส่งไวแค่ไหนก็ต้องได้!

ผู้บริโภคยุคใหม่มีความอดทนน้อยลง และคาดหวังการจัดส่งที่รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งภายในวันเดียวหรือวันถัดไป [3, 6, 9]. ผู้ประกอบการที่สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้ จะมีแต้มต่อในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ค้าปลีกรายใหญ่ เช่น 7-Eleven Delivery, Lotus's Online, Makro Pro, Tops และ BigC ได้นำกลยุทธ์ On-Demand Delivery จากสาขาใกล้บ้านมาใช้ [3].

4. E-Commerce Business Model Evolution: รูปแบบธุรกิจที่หลากหลาย

ตลาด E-commerce ที่เติบโตขึ้น ทำให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เช่น Vertical Marketplace ที่เน้นสินค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น NocNoc และ HomePro (บ้านและแต่งบ้าน) หรือ Central และ Konvy (แฟชั่นและบิวตี้) [3]. นอกจากนี้ โมเดล Consignment Selling ที่แพลตฟอร์มจัดการสต็อกและทำการตลาดให้ ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าจับตา [3].

5. AI-Driven Personalization: ประสบการณ์ช้อปปิ้งเฉพาะบุคคล

AI หรือปัญญาประดิษฐ์ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าใน E-commerce [5, 7, 22]. การใช้ AI เพื่อสร้างคำแนะนำสินค้าที่ตรงใจ (Personalized Recommendations), การตั้งราคาแบบไดนามิก (Dynamic Pricing) และระบบสนับสนุนลูกค้าอัตโนมัติ (Chatbots) จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า [5, 7, 22]. การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ (Predictive Analytics) จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกคาดการณ์ความต้องการสินค้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสต็อก [5].

เทรนด์ที่น่าจับตามองอื่นๆ

• Mobile-First Shopping Dominance: ผู้บริโภคไทยกว่า 90% ใช้สมาร์ทโฟนในการช้อปปิ้งออนไลน์ การปรับเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานบนมือถือจึงเป็นสิ่งจำเป็น [4].
• Growth of Digital Payments: การชำระเงินแบบไร้เงินสดกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้บริโภคไทยใช้ Mobile Banking Apps บ่อยครั้ง [4, 10].
• Sustainability as a Competitive Edge: ผู้บริโภคไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ใส่ใจความยั่งยืน [4, 14]. การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับปรุงกระบวนการโลจิสติกส์ให้ยั่งยืน จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ [8].

Checklist สำหรับผู้ประกอบการ E-commerce

• [ ] พัฒนา Content Strategy: สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจและทำงานร่วมกับ Influencer/Creator
• [ ] เสริมแกร่ง Social Commerce: ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในการขายและสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
• [ ] ปรับปรุงระบบจัดส่ง: นำเสนอทางเลือกการจัดส่งที่รวดเร็วและตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า
• [ ] นำ AI มาใช้: ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นที่ตรงใจ
• [ ] ให้ความสำคัญกับ Mobile Experience: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์และแอปพลิเคชันใช้งานง่ายบนมือถือ
• [ ] พิจารณาโมเดลธุรกิจใหม่: สำรวจโอกาสจาก Vertical Marketplace หรือ Consignment Selling
• [ ] ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน: ปรับปรุงบรรจุภัณฑ์และกระบวนการโลจิสติกส์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม