AI และ Digital Transformation: กุญแจสู่ความได้เปรียบทางการแข่งขันของ SMEs ไทยในปี 2025

AI และ Digital Transformation: กุญแจสู่ความได้เปรียบทางการแข่งขันของ SMEs ไทยในปี 2025

รายงานเผย SMEs ไทยกว่า 40% เริ่มนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่รวดเร็ว องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและเติบโต โดย AI และ Digital Transformation เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ

AI และ Digital Transformation: กุญแจสู่ความได้เปรียบทางการแข่งขันของ SMEs ไทยในปี 2025

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสครั้งใหญ่ การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) มาปรับใช้ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ SMEs เหล่านี้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป [11, 17, 18].

ภาพรวมการนำ AI และ Digital Transformation มาใช้ใน SMEs ไทย

ผลสำรวจล่าสุดชี้ให้เห็นว่า SMEs ไทยกว่า 40.4% ได้เริ่มนำโซลูชัน AI มาใช้แล้ว และอีกหลายรายมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนาทักษะพนักงานและการนำ Generative AI มาใช้ภายในองค์กร [13] การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลไม่ได้เป็นเพียงการทดลองทางเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างธุรกิจหลักที่มุ่งเน้นการสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ [9] ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดที่องค์กรไทยได้รับจากการนำดิจิทัลมาใช้ ได้แก่ การเพิ่มผลิตภาพของพนักงาน (67%), การยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (61%) และการลดต้นทุน (58%) [9].

เทรนด์สำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2025

1. AI และ Machine Learning: AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำนายพฤติกรรมผู้บริโภค การสร้างระบบอัตโนมัติ ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ [3] โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Agentic AI ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถทำงานอัตโนมัติ ลดการแทรกแซงจากมนุษย์ และเพิ่มประสิทธิภาพของเวิร์กโฟลว์ [8].
2. Digital Transformation: การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นสากล และมุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง [4] การนำเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น E-commerce และเครื่องมือข้อมูล มาใช้เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การมีส่วนร่วมกับลูกค้า และการขยายขอบเขตตลาด [4].
3. ความยั่งยืน (Sustainability): ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น ธุรกิจต่างๆ จึงต้องหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานสะอาด หรือการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม [3, 22] ผู้บริโภคไทยกว่า 91% จะให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อมในปี 2025 [22].
4. E-commerce และ Digital Marketing: E-commerce ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีช่องทางใหม่ๆ เกิดขึ้นมาตลอดเวลา ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และใช้เครื่องมือทางดิจิทัลในการทำการตลาด [3].
5. เทคโนโลยี Blockchain: เทคโนโลยีนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการ cryptocurrency อีกต่อไป แต่สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัยในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น การจัดการห่วงโซ่อุปทาน [3].

ความท้าทายและโอกาสสำหรับ SMEs ไทย

แม้ว่า SMEs ไทยจะตระหนักถึงความสำคัญของ AI และ Digital Transformation แต่ก็ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น การขาดแคลนทักษะและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี งบประมาณและทรัพยากรที่ไม่เพียงพอ และการพึ่งพาระบบ IT แบบเดิม [9] อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้อย่างมีกลยุทธ์สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในด้านการตลาดและการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ [11] รวมถึงการลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน [13].

Data Point ที่น่าสนใจที่สุด:

ผลการสำรวจพบว่า 44% ขององค์กรไทยอยู่ในขั้นตอน “Doing Digital” และ 28% อยู่ในขั้นตอน “Becoming Digital” [9] ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจไทยส่วนใหญ่กำลังอยู่ในช่วงของการนำดิจิทัลมาปรับใช้ในองค์กรอย่างจริงจัง

คำถามเพื่อต่อยอด:

เมื่อองค์กรไทยส่วนใหญ่กำลังก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว เราจะสามารถใช้ประโยชน์จากความพร้อมนี้ในการผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืนได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงระหว่าง AI, Digital Transformation และแนวคิดความยั่งยืน เพื่อสร้างธุรกิจที่เติบโตและตอบโจทย์สังคมในอนาคต?