"เศรษฐกิจหมุนเวียน" และ "การเงินสีเขียว": พลังขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนของไทย

ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคใหม่แห่งความยั่งยืน โดยมี "เศรษฐกิจหมุนเวียน" และ "การเงินสีเขียว" เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายและภาคธุรกิจ พร้อมกับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

"เศรษฐกิจหมุนเวียน" และ "การเงินสีเขียว": พลังขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนของไทย


ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างแผ่หลาย ประเทศไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยมี "เศรษฐกิจหมุนเวียน" (Circular Economy) และ "การเงินสีเขียว" (Green Finance) เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายและภาคธุรกิจ [3, 6, 8, 10, 11, 21]

เศรษฐกิจหมุนเวียน: หัวใจสำคัญของการจัดการทรัพยากร


เศรษฐกิจหมุนเวียน คือ แนวคิดที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสูงสุด โดยการนำวัสดุและผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่กลับมาใช้ซ้ำ ซ่อมแซม ปรับปรุง และรีไซเคิล เพื่อยืดอายุการใช้งานและลดปริมาณของเสียให้เหลือน้อยที่สุด แนวคิดนี้สอดคล้องกับโมเดล "เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว" (Bio-Circular-Green Economy: BCG) ที่รัฐบาลไทยผลักดันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาดของโรค [6, 8, 21]

ข้อมูลชี้ว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยสร้างขยะพลาสติกถึงปีละ 2 ล้านตัน แต่มีการรีไซเคิลเพียง 25% [21] การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนจึงเป็นโอกาสสำคัญในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ลดต้นทุน และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจหมุนเวียนจะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้ไทยได้ถึง 4% ของ GDP ภายในปี 2569 [8]

การเงินสีเขียว: เครื่องมือสนับสนุนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน


เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว ประเทศไทยได้ผลักดัน "การเงินสีเขียว" อย่างจริงจัง โดยสถาบันการเงินและภาครัฐร่วมกันส่งเสริมผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและหุ้นกู้สีเขียว (Green Bonds) เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม [3, 10]

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ร่วมกันประกาศมาตรฐานกลางในการจำแนกประเภทกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ "Thailand Taxonomy" ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการชี้นำการลงทุน โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 3 กลุ่ม คือ เขียว (Green) เหลือง (Amber) และแดง (Red) [11, 14] การพัฒนา Thailand Taxonomy เฟส 2 ซึ่งครอบคลุมภาคเกษตรกรรม การผลิต การก่อสร้าง และการจัดการของเสีย ยิ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว [12]

การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด: ก้าวสำคัญสู่อนาคต


ภาคพลังงานเป็นอีกภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืน โดยประเทศไทยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจะสูงถึง 28.11 พันล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงในปี 2568 [2] การลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์มีแนวโน้มเติบโตสูง โดยคาดว่าจะเป็นกำลังผลิตไฟฟ้าที่สำคัญในการบรรลุเป้าหมายพลังงานหมุนเวียนของประเทศ [4]

แม้ว่าก๊าซธรรมชาติยังคงเป็นแหล่งพลังงานหลัก แต่การลงทุนในพลังงานสะอาด และนโยบายที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงกำลังผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาค [2, 7] การพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัยเพื่อรองรับพลังงานหมุนเวียนที่ผันผวน และการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (Decentralization) ล้วนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน [9]

ความท้าทายและโอกาส

แม้ว่าประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยั่งยืน แต่ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น การลดความเหลื่อมล้ำ การจัดการปัญหามลพิษ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค [16, 17] อย่างไรก็ตาม การรวมพลังของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ไปได้ [18]

การให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจหมุนเวียน การเงินสีเขียว และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างอนาคตที่มั่นคงและเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทย

---

อนาคตของความยั่งยืนในประเทศไทยกำลังสดใส ด้วยความมุ่งมั่นในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม สู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำและเศรษฐกิจสีเขียว การร่วมมือและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของทุกภาคส่วน จะเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงสำหรับคนรุ่นต่อไป