SME ไทยปี 2025: ฝ่าความท้าทาย ด้วยพลังแห่งดิจิทัลและนวัตกรรม

SME ไทยปี 2025: ฝ่าความท้าทาย ด้วยพลังแห่งดิจิทัลและนวัตกรรม

SMEs ไทยกำลังเผชิญความท้าทายรอบด้านในปี 2025 ทั้งการแข่งขันที่สูงขึ้น ปัญหาเชิงโครงสร้าง และการที่ยังตามหลังประเทศเพื่อนบ้านด้านนวัตกรรม แต่ท่ามกลางวิกฤตนี้ ยังมีโอกาสสำคัญคือ 'Digital Transformation' ที่ SMEs ไทยกำลังเร่งปรับตัวนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืน

SME ไทยปี 2025: ฝ่าความท้าทาย ด้วยพลังแห่งดิจิทัลและนวัตกรรม


แม้เศรษฐกิจไทยจะเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยคาดการณ์ว่าจะเติบโต 2.9% ในปี 2025 [12, 13] แต่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) กลับกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ถาโถมเข้ามา ทั้งการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากสินค้านำเข้า ตลาดในประเทศที่ยังซบเซา และปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึกในระบบเศรษฐกิจไทย [8] อย่างไรก็ตาม SMEs ยังคงเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจไทย เป็นกำลังสำคัญในการสร้างงานและขับเคลื่อน GDP ของประเทศ [4, 12]

ความท้าทายของ SMEs และความจำเป็นของนวัตกรรม


รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยยังคงล้าหลังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนในด้านนวัตกรรม โดยมีเพียง 11.9% ของธุรกิจไทยเท่านั้นที่นำนวัตกรรมมาใช้ ในขณะที่เวียดนามและมาเลเซียมีสัดส่วนสูงกว่า 37% [3] การขาดแคลนนวัตกรรมนี้ ประกอบกับการลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่ยังน้อย ส่งผลให้ SMEs ไทยเสียเปรียบในการแข่งขันและนำไปสู่การปิดกิจการที่เพิ่มสูงขึ้น [3] ธนาคารโลกได้ระบุถึงอุปสรรคสำคัญที่ SMEs ต้องเผชิญ ได้แก่ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จำกัด การขาดการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น ทักษะที่ยังไม่ตอบโจทย์อนาคต และอุปสรรคด้านกฎระเบียบต่างๆ [4] ปัจจัยเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่อธิบายว่าทำไมผู้ประกอบการจำนวนไม่มากนักที่กล้าเข้ามาในตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะในภาคดิจิทัลซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเพิ่มผลิตภาพ [4]

Digital Transformation: หนทางสู่ความยืดหยุ่นและการเติบโต


เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) จึงเป็นทิศทางที่ SMEs ไทยกำลังเร่งเดินหน้าอย่างชัดเจน [5, 7] ข้อมูลที่น่าสนใจคือ SMEs ไทยถึง 100% ได้ย้ายการดำเนินงานเข้าสู่ระบบออนไลน์แล้ว ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 95% [5] การเปลี่ยนแปลงนี้ได้รับแรงส่งสำคัญจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งทำให้ 63% ของ SMEs และธุรกิจขนาดย่อม (MSMEs) รายงานว่าเครื่องมือดิจิทัลมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจต่อไป [5]

SMEs ไทยไม่ได้เพียงแค่รับเทคโนโลยีเข้ามาใช้เท่านั้น แต่ยังแสดงความเชื่อมั่นอย่างสูงต่อประโยชน์ในระยะยาวของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ โดย 96% ของ SMEs เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่ได้ทำไปจะส่งผลดีต่อธุรกิจของตน [5] การลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อการบริการลูกค้าก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดย 71% ของ SMEs ไทยเร่งการลงทุนด้านเทคโนโลยีในส่วนนี้ ซึ่งเกือบเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 41% [5] นอกจากนี้ การใช้ระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ก็เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบัน SMEs ไทยกว่า 80% ใช้ CRM เทียบกับ 56% ทั่วโลก [5]

ยิ่งไปกว่านั้น Digital Transformation ยังเป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยให้ SMEs สามารถจัดการกับความท้าทายด้านความยั่งยืนได้อีกด้วย การใช้ประโยชน์จากระบบดิจิทัล SMEs สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรและขยายฐานลูกค้าได้ [6] เครื่องมือดิจิทัลสามารถให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์สำหรับโครงการด้านความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยในการรายงานผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบูรณาการแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนเข้ากับการดำเนินงาน [6]

นอกจากนี้ ยังมีโครงการต่างๆ เช่น "AIS Infinite SMEs" ที่มุ่งเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล และยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานของ SMEs ทั่วประเทศ [9] โครงการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการ ขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืน และช่วยให้ SMEs ไทยสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ ผ่านการฝึกอบรม การรับรองมาตรฐาน และโปรแกรมสร้างเครือข่ายพันธมิตร [9]

โอกาสและข้อแนะนำสำหรับ SMEs ไทย


ภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ของไทยกำลังส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและนวัตกรรมอย่างแข็งขันเพื่อสนับสนุน SMEs [4, 5, 9] โดยประเด็นสำคัญที่มุ่งเน้นคือ การปรับปรุงการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล และการสร้างสภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่เอื้ออำนวยมากขึ้น [4, 13]

สำหรับ SMEs ที่ต้องการประสบความสำเร็จในปี 2025 มีกลยุทธ์ที่แนะนำดังนี้:

  • โอบรับการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล: ลงทุนและใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลสำหรับทุกกระบวนการ ทั้งการดำเนินงาน การตลาด และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า [5, 7]
  • มุ่งเน้นนวัตกรรม: สำรวจเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มผลิตภาพ ลดต้นทุน และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน [3, 4]
  • ลงทุนในการพัฒนาทักษะ: เพิ่มพูนทักษะและพัฒนาทักษะพนักงานให้พร้อมสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลและความต้องการในอนาคต [4, 9]
  • ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน: บูรณาการแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนเข้ากับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเครื่องมือดิจิทัลสามารถสนับสนุนในเรื่องนี้ได้ [6]
  • แสวงหาการสนับสนุนทางการเงินและพันธมิตร: สำรวจทางเลือกด้านแหล่งเงินทุนที่มีอยู่ และสร้างเครือข่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อเข้าถึงทรัพยากรและตลาด [4, 13, 17]

การบ้าน: เจ้าของธุรกิจ SME ลองสำรวจตัวเองดูนะครับว่า ในปี 2025 นี้ ธุรกิจของเรามีความพร้อมในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินงานมากน้อยแค่ไหน? มีการวางแผนเพื่อรับมือกับความท้าทายจากการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไรบ้าง? และมีแนวทางในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างไร? ลองลิสต์ออกมาเป็นข้อๆ แล้วหาแนวทางแก้ไขหรือพัฒนาต่อยอดดูนะครับ.