AI • ธุรกิจ • เทคโนโลยี
AI และ Green Tech: ขุมพลังขับเคลื่อนสตาร์ทอัพไทย สู่การเติบโตในปี 2025
บทความนี้สำรวจแนวโน้มสำคัญของสตาร์ทอัพไทยในปี 2025 โดยเน้นที่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Green Tech) พร้อมเจาะลึกโอกาสทางการลงทุน การสนับสนุนจากภาครัฐ และความท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ.
AI และ Green Tech: ขุมพลังขับเคลื่อนสตาร์ทอัพไทย สู่การเติบโตในปี 2025
เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่ปี 2025 ระบบนิเวศของสตาร์ทอัพในประเทศกำลังคึกคักไปด้วยนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Sustainability) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) รายงานถึงแนวโน้มการเติบโตที่ต่อเนื่องของสตาร์ทอัพ โดยประเทศไทยได้ตอกย้ำตำแหน่งของตนในฐานะศูนย์กลางของผู้ประกอบการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ [6] การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากการสนับสนุนของภาครัฐ ความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม Venture Capital (VC) และการให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่สามารถแก้ไขปัญหาความท้าทายระดับโลก
AI: หัวจักรสำคัญแห่งการเปลี่ยนแปลง
ภาค AI ถือเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลงนี้ [3, 10] ธุรกิจไทย ตั้งแต่สตาร์ทอัพหน้าใหม่ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ กำลังนำ AI มาปรับใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจ และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน [5] ภาครัฐกำลังส่งเสริมการนำ AI ไปใช้อย่างแข็งขัน ผ่านโครงการต่างๆ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะ และส่งเสริมโซลูชันเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep-tech) [18] สตาร์ทอัพกำลังใช้ประโยชน์จาก AI ในหลากหลายภาคส่วน เช่น การเกษตรเพื่อการทำฟาร์มแบบแม่นยำ สุขภาพเพื่อการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์ และการเงินเพื่อบริการแบบอัตโนมัติ [3] การเกิดขึ้นของเครื่องมือ AI ที่เข้าถึงได้ง่าย เช่น โมเดลภาษาขนาดเล็ก (Small Language Models) กำลังช่วยลดอุปสรรคในการเริ่มต้นสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นไปอย่างทั่วถึงมากขึ้น [5]
Green Tech: พลังขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน
ควบคู่ไปกับการเติบโตของ AI เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนและเทคโนโลยีสีเขียว (Green Tech) กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก [3, 14] ด้วยเป้าหมายระดับชาติในการเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ประเทศไทยกำลังประสบกับการเพิ่มขึ้นของสตาร์ทอัพเทคโนโลยีสีเขียวที่มุ่งเน้นด้านพลังงานหมุนเวียน การจัดการของเสีย และเกษตรกรรมที่ยั่งยืน [3, 8] บริษัทเหล่านี้ไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าถึงตลาดโลกที่มีความต้องการโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มสูงขึ้น [14] ภาครัฐ โดยเฉพาะ NIA กำลังสนับสนุนกิจการเหล่านี้อย่างแข็งขัน โดยมีเป้าหมายที่จะสร้าง “ยูนิคอร์น” ที่เป็นธุรกิจสัญชาติไทยซึ่งสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ [8]
การลงทุนและโอกาสในระบบนิเวศสตาร์ทอัพ
ภูมิทัศน์ของการลงทุนในประเทศไทยก็กำลังพัฒนาไปตามเทรนด์ของภาคส่วนเหล่านี้เช่นกัน [4] แม้ว่า Fintech และ E-commerce จะยังคงดึงดูดการลงทุนจำนวนมาก แต่ก็มีความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในสตาร์ทอัพด้าน HealthTech และ AI [4] การระดมทุนในระยะเริ่มต้น (Seed Funding) ได้ฟื้นตัวขึ้น แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อกิจการระยะเริ่มต้น ในขณะที่การลงทุนในระยะท้าย (Late-Stage) จะให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีความเป็นผู้ใหญ่และมีรูปแบบธุรกิจที่พิสูจน์แล้ว [4] แขนงการลงทุนขององค์กร (Corporate Venture Capital - CVC) จากบริษัทใหญ่ๆ ในไทย กำลังเข้ามาลงทุนอย่างแข็งขัน ไม่เพียงแต่นำเสนอเงินทุน แต่ยังรวมถึงทรัพยากรและเครือข่ายที่มีคุณค่า [4, 11, 16] นอกจากนี้ การสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงเงินช่วยเหลือและมาตรการจูงใจ มีบทบาทสำคัญในการหล่อเลี้ยงระบบนิเวศนี้ [4, 13]
ความท้าทายและก้าวต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายอยู่ [14] ระบบนิเวศสตาร์ทอัพยังคงเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ เช่น ความซับซ้อนด้านกฎระเบียบ การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสีเขียวในระยะเริ่มต้น [14] แม้จะมีอุปสรรคเหล่านี้ แต่ความร่วมมือระหว่างนักลงทุน หน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบการ กำลังเสริมสร้างตำแหน่งของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในฐานะศูนย์กลางเทคโนโลยีชั้นนำของภูมิภาค [11]
การผสมผสานระหว่าง AI และความยั่งยืน นำเสนอโอกาสอันทรงพลังสำหรับสตาร์ทอัพไทย การยอมรับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้พวกเขามีศักยภาพในการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังเป็นการสนับสนุนวิสัยทัศน์ของประเทศไทยสู่การเป็นอนาคตดิจิทัลและยั่งยืน
บทเรียนสำคัญ:
- AI และเทคโนโลยีสีเขียว: สตาร์ทอัพไทยกำลังได้รับแรงขับเคลื่อนสำคัญจากนวัตกรรมด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Green Tech) ซึ่งเป็นสองภาคส่วนหลักที่คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2025
- การสนับสนุนจากภาครัฐ: หน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีบทบาทสำคัญในการผลักดันและสนับสนุนสตาร์ทอัพ ผ่านการให้ทุน การสร้างเครือข่าย และการออกมาตรการส่งเสริมต่างๆ
- โอกาสและความท้าทาย: แม้ว่าจะมีโอกาสทางการลงทุนและการเติบโตอย่างมหาศาล แต่สตาร์ทอัพไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบ การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสีเขียว