AI • เทคโนโลยี • ธุรกิจ
ปัญญาประดิษฐ์ในระบบสาธารณสุขไทย: โอกาสและความท้าทายในการขับเคลื่อนอนาคต
บทความนี้สำรวจการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย โดยเน้นย้ำถึงศักยภาพในการปฏิวัติการดูแลสุขภาพ การวินิจฉัยโรค และการวางแผนการรักษา ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ความท้าทายที่สำคัญ เช่น การจัดการข้อมูล กฎระเบียบ และความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการดิจิทัล.
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ
AI ขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน: โอกาสการลงทุน เทรนด์สีเขียว และภูมิทัศน์กฎหมายที่กำลังเปลี่ยนแปลงปัญญาประดิษฐ์ในระบบสาธารณสุขไทย: โอกาสและความท้าทายในการขับเคลื่อนอนาคต
ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ของการปฏิวัติวงการสาธารณสุขด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างมหาศาล แม้ว่าการนำ AI มาใช้ในระบบสาธารณสุขไทยจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ก็แสดงให้เห็นถึงโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการยกระดับการวินิจฉัยโรค การวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน [3, 5, 11, 14, 15]
การเติบโตของตลาดดิจิทัลเฮลท์ในประเทศไทย
ตลาดดิจิทัลเฮลท์ในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ประมาณ 15.3% ในช่วงปี 2564-2569 [5] การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากการเข้าถึงสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ดีขึ้น และความตระหนักรู้เกี่ยวกับโซลูชันดิจิทัลเฮลท์ในหมู่ประชากรไทย [2]
เทเลเมดิซีน (Telemedicine) หรือการแพทย์ทางไกล ได้กลายเป็นแกนหลักสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 และคาดว่าจะเติบโตในอัตรา CAGR ประมาณ 20% ในอีกห้าปีข้างหน้า [2] ผู้ให้บริการเทเลเมดิซีนรายสำคัญในประเทศไทย ได้แก่ Doctor Raksa, Ooca และ HealthAtHome [2, 4] นอกจากนี้ อุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพ (Wearable Health Devices) ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการจัดการโรคเรื้อรัง [6]
ความท้าทายในการบูรณาการ AI สู่ระบบสาธารณสุขไทย
แม้จะมีแนวโน้มที่สดใส แต่ประเทศไทยก็ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการในการบูรณาการ AI เข้าสู่ระบบสาธารณสุขอย่างเต็มรูปแบบ ประการแรก คือ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล เช่น การขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเหมืองข้อมูลสุขภาพ และนโยบายที่ยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้ Machine Learning [3, 11]
ความท้าทายด้านกฎระเบียบที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างความมั่นใจในความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล การรักษาคุณภาพของการดูแล และการกำหนดกรอบกฎหมายที่ชัดเจนสำหรับแอปพลิเคชัน AI [2, 3] นอกจากนี้ แม้ว่าพื้นที่ในเมืองจะเพียบพร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่ง แต่ภูมิภาคชนบทยังคงประสบปัญหาด้านการเชื่อมต่อ ซึ่งก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการดิจิทัลเฮลท์ [2]
ก้าวต่อไปเพื่ออนาคตสุขภาพที่ดีขึ้น
เพื่อก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้และปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของ AI ในภาคสาธารณสุข ประเทศไทยจำเป็นต้องส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสาขาสุขสารสนเทศ (Health Informatics) ผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทางและการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายภาคส่วน [3, 11] การปรับแนวทางการพัฒนา AI ให้สอดคล้องกับนโยบายระดับชาติ เช่น นโยบาย "โรงพยาบาลอัจฉริยะ" (Smart Hospital) และเป้าหมายในการเป็น "ศูนย์กลางทางการแพทย์" (Medical Hub) ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการบรรลุวัตถุประสงค์ของภาครัฐ [3, 11, 25]
ขณะที่ประเทศไทยยังคงเดินหน้าในเส้นทางดิจิทัลเฮลท์ การนำ AI มาใช้อย่างมีกลยุทธ์สัญญาว่าจะปฏิวัติการดูแลทางการแพทย์ ปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วย และแก้ไขปัญหาความท้าทายด้านสุขภาพที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งจะนำไปสู่ระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับทุกคน
Keywords: AI, healthcare, Thailand, digital health, telemedicine, artificial intelligence, health technology, innovation, medical hub
Categories: ["AI", "เทคโนโลยี", "ธุรกิจ"]
Summary: บทความนี้สำรวจการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย โดยเน้นย้ำถึงศักยภาพในการปฏิวัติการดูแลสุขภาพ การวินิจฉัยโรค และการวางแผนการรักษา ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ความท้าทายที่สำคัญ เช่น การจัดการข้อมูล กฎระเบียบ และความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการดิจิทัล.
Is Pillar Page: False
Pillar Page Slug: 60-2025-07-24-ai-ขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน-โอกาสการลงทุน-เทรนด์สีเขียว-และภูมิทัศน์กฎห